บั้นปลายชีวิตคนไทย
อยู่อย่างไรจึงเป็นสุข ?
นโยบายระบบการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง (Palliative Care) ที่ต้องชวนคุย
ปัจจุบัน การดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง
ในประเทศไทย วางอยู่บนฐานของการ
&lquote;ยื้อความตาย&rquote; เป็นหลัก
ส่งผลให้ผู้ป่วยต้องรับการรักษาในโรงพยาบาลที่แออัด ประกอบกับ 'อัตราการครองเตียง' ในโรงพยาบาลที่สูงขึ้นจาก 'อัตราการเจ็บป่วย' ด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จะเป็นอย่างไร
หากเรายึดแนวคิดการ ‘ตายดี’
และ ‘ไม่ยื้อชีวิต’
ผู้ป่วยไม่ทรมานกับการรักษาที่ไม่มีที่สิ้นสุด ได้อยู่กับครอบครัว และมีภาครัฐช่วยดูแลในชุมชน
เพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัว
ไม่แออัดที่โรงพยาบาล ได้กลับมาอยู่ในที่ที่คุ้นเคย ไม่ต้องบาดเจ็บทางกายและมีช่วงเวลาสงบสุข
ลดภาระค่าใช้จ่ายทางสุขภาพ
การดูแลแบบประคับประคองจะช่วยลดค่าใช้จ่ายของตัวผู้ป่วย ครอบครัว และภาครัฐ เมื่อเทียบกับการรักษาแบบยื้อความตาย
มีครัวเรือนที่อาจจัดได้ว่าอยู่ใน ‘สภาวะล้มละลาย’ โดยที่มีค่าใช้จ่ายภายใน 1 ปี ก่อนเสียชีวิตมากกว่าร้อยละ 10 ของรายได้ตลอดทั้งปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นครัวเรือนที่มีฐานะยากจน*
*ข้อมูลจากการสำรวจการเข้าถึงสถานพยาบาลและรายจ่ายด้านสุขภาพของผู้ป่วยที่เสียชีวิต พ.ศ. 2548-2549
ค่ารักษาพยาบาลเดือนสุดท้ายในโรงพยาบาลก่อนเสียชีวิตมีค่าเฉลี่ยที่ ประมาณ 45,000 บาท และมีค่าสูงสุดที่กว่า 340,000 บาท แต่หากเป็นการดูแลที่บ้านอย่างได้มาตรฐาน จะมีค่าใช้จ่ายในเดือนสุดท้ายราว 27,000 บาท**
** ข้อมูลจากการสำรวจค่าใช้จ่ายกรณีผู้ป่วยมะเร็งภายใต้โครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
แต่ยังมีความท้าทายที่ต้องฝ่าฟัน
เพื่อให้เกิดนโยบายที่ตอบโจทย์
การถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจยังมีจำกัด ทั้งต่อตัวผู้ป่วย ครอบครัว และบุคลากรในระบบ
กฎหมายไม่เอื้อต่อระบบบริหารจัดการการใช้ยาระงับปวดที่บ้าน เพื่อลดความเจ็บไข้ให้ผู้ป่วย
ขาดแคลนบุคลากรเฉพาะทาง
การเชื่อมประสานระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในบางพื้นที่ยังไม่ ‘ไร้รอยต่อ’ อย่างแท้จริง
ทำอย่างไร?
จึงจะมีรูปแบบการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง ที่บูรณาการการทำงานเชิงระบบ ทั้งฝ่ายสาธารณสุขและชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถปรับใช้ในแต่ละพื้นที่ เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คนได้
ข้อเสนอ 1
เกิดรูปแบบเครือข่ายที่เชื่อมประสานกับชุมชน ตั้งแต่ระดับโรงพยาบาลศูนย์ลงมา
ข้อเสนอ 2
เกิดการบริหารจัดการยาระงับปวดในระดับชุมชนที่รวดเร็วและเอื้อต่อการบริหารจัดการ
ข้อเสนอ 3
เครือข่ายความรู้และความเข้าใจในการดูแลแบบประคับประคองที่ยั่งยืน
ข้อเสนอ 4
รูปแบบ (model) การดูแลแบบประคับประคองโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน
สิ่งที่เกิดขึ้นจาก
กระบวนการ
Policy dialogue ไม่ได้มีแต่ผลลัพธ์เชิงเนื้อหา แต่ยังสามารถสร้างคุณค่าในการผลักดันเชิงนโยบาย
ผู้เข้าร่วมเห็นภาพปัญหาที่สำคัญ และเร่งด่วนที่สุดร่วมกัน
โดยเฉพาะการทำงานระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียยังไม่เชื่อมประสานและบูรณาการอย่างแท้จริง
ผู้เข้าร่วมจากแต่ละวงหารือ ฟังสถานการณ์ รวมถึงได้รับฟังแนวทางการรับมือกับปัญหาและข้อจำกัด
ทั้งจากผู้ปฏิบัติงาน ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ รวมไปถึงญาติผู้ป่วยระยะประคับประคอง และตัวแทนระดับเขตสุขภาพ เพื่อนำไปปรับปรุง ปรับใช้กับหน่วยงาน ชุมชน หรือส่วนของตนเอง
ผู้เข้าร่วมมีความสนใจต่อการขับเคลื่อน
อยากให้การดูแลแบบประคับประคองโดยการมีส่วนร่วมในชุมชนเกิดขึ้นได้จริง และแพร่หลายในระดับประเทศ ทั้งยังได้รับรู้การขับเคลื่อนของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ ในปัจจุบัน และเห็นโอกาสที่ทุกภาคส่วนจะได้ทำงานร่วมกันต่อไปในอนาคต
ข้อเสนอเชิงนโยบายที่เกี่ยวข้อง
จากการสังเคราะห์ข้อมูลที่ได้มาจากกระบวนการที่ใช้วิธีการอันหลากหลาย จึงเกิดเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายขึ้น
การพัฒนาหน่วยประสาน การดูแลเพื่อยกระดับการให้บริการแก่ผู้สูงอายุและผู้ป่วยในระดับจังหวัด (Care Coordination Unit - CCU)
การเสริมพลังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุในชุมชน และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน
การปรับเกณฑ์การจ่ายชดเชยค่าบริการ สาธารณสุขของสำนักงานหลักประกันสุขภาพ แห่งชาติ เพื่อส่งเสริมการดูแลระยะกลางอย่างเข้มข้นในระดับโรงพยาบาลชุมชน